จังหวัดสุราษฎร์ธานี

จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เมนู

ประวัติความเป็นมาจังหวัดสุราษฎร์ธานี

ประวัติ

            จากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้รวมเมืองไชยากับเมืองกาญจนดิษฐ์เข้าเป็นเมืองเดียวกันเรียกว่าเมืองไชยา เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๒ โดยตั้งศาลากลางเมืองที่บ้านดอน (ในปัจจุบันคือสุราษฎร์ธานี) เนื่องจากพระองค์ทรงมีพระราชดําริว่าเมืองไชยาเป็นเมืองเก่า ควรคงนามเดิมไว้มิให้สาบสูญ ส่วนที่เมืองไชยาเก่าให้เปลี่ยนนามเรียกว่าอําเภอพุมเรียง ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖) ทรงพิจารณาเห็นว่าเมืองไชยาเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุไชยา ราษฎรตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นปึกแผ่นมั่นคงคนส่วนใหญ่ก็ยังเรียกเมืองไชยาเดิมว่าเมืองไชยา จึงทําให้สับสนทั้งไชยาใหม่และไชยาเก่า ดังนั้นเพื่อให้เป็นการสะดวกแก่

ประชาชนทั่วไปและทางราชการ พระองค์จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนามอําเภอพุมเรียงเป็นอําเภอเมืองไชยา และเปลี่ยนนามเมืองไชยาที่บ้านดอนเป็น “เมืองสุราษฎร์ธานี"  สุราษฎร์ธานีมีอุทยานแห่งชาติ ๖ แห่ง ประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติเขาสก อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง อุทยานแห่งชาติคลองพนม อุทยานแห่งชาติธารเสด็จและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง อุทยานแห่งชาติคลองพนมมีพื้นที่ประมาณ ๒๙๕,๐๐๐ ไร่ อยู่ในอำเภอพนม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลพูลเถื่อน ตำบลคลคลองสก ตำบลพนม สภาพทั่วไปเป็นภูเขาหินปูนปกคลุมด้วยพรรณไม้ป้าดงดิบเฉพาะถิ่น เช่น ตะเคียนขันตาแมว ต้นยวนเหล สัตว์ป่าที่พบ เช่น ช้าป่า เสือโคร่ง สมเสร็จ กระทิง นกกวัก นกเงือก ฯลฯ อุทยานแห่งชาติเขาสก เป็นส่วนหนึ่งของป่าดิบชื้นผืนใหญ่ที่สุดในภาดใต้ มีเนื้อที่ประมาณ ๗๓๘ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๔๖๐,๐๐๐ ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ ๓ อำเภอ คืออำเภอดีรีรัฐนิคม อำเภอพนม และอำเภอบ้านตาขุน ป่านี้อุดมไปด้วยพรรณไม้ที่หลากหลาย มีการกระจายพันธุ์มาจากภาคเหนือ และภาคใต้ หรือที่เรียกว่าเขตอินโด-มาลายา ในพื้นที่อุพยานแห่งชาติเขาสกนี้มีพรรณไม้ที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์ที่สำคัญ คือบัวผุด ปาล์มหลังขาว หมากพระราหู กระพัอสี่สิบ เห็นเขากวาง ฯลฯ เป็นที่ตั้งของเขี่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด เช่น ช้าง กระทิง วัวแดง เลียงผา เก้ง ค่าง ชะนี ลิงลม นาก ไก่ป่า ฯลฯ สำหรับดอกบัวผุด เป็นพืชที่หายากมีแนวโน้มว่าใกล้จะสูญพันธุ์ สามารถหาพบได้ในอุทยานแห่งชาติเขาสก อุทยานแห่งชาติเขาพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Reflesia Kerri (รัฟฟลิเขีย คาร์ริไอ) บัวผุดมีดอกสีน้ำตาลแดง กลีบดอกใหญ่แข็งมี ๕ กลีบ หนา ประมาณ ๐.๗๕ ช.ม. เมื่อบานดอกมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๕๐-๘๐ ช.ม. มีกลิ่นคล้ายเนื้อเน่า ทั้งนี้เพื่อช่วยล่อแมลงให้มาผสมเกสร บัวผุด จัดเป็นพืชเบียน (Parasitic Plant) คือพืชที่ต้องอาศัยพืชอื่น ๆ ดำรงชีวิตอยู่ พืชที่บัวผุดอาศัยเกาะกินคือไม้เถาวัลย์ย่านไก่ตัม การที่บัวผุดเกาะอาศัยพืชย่านไก่ต้มเป็นแหล่งอาหาร ดำรงชีวิต สร้างความเจริญเติบโต ดังนั้นบัวผุดจึงไม่มีใบ ไม่มีคลอโรฟิลล์ สำหรับใช้สังเคราะห์แสงไม่มีรากที่ต้องดูดน้ำ ไม่มีลำต้นปรากฏให้ให้เห็น ส่วนลำต้นของบัวผุดลดรูปเป็นเพียงกลุ่มเส้นใยคล้ายเส้นใยของรา แล้วแทงเข้าไปในลำตันของเถาวัลย์ย่านไก่ต้ม ต่อเชื่อมกับเนื้อเยื่อที่พอลำเลียงอาหารของเถาวัลย์ย่านไก่ต้มแล้วดูดน้ำและอาหารไปเลี้ยงดอก ชาวบ้านเชื่อกันว่านำบัวผุดดดดดอกตูนไปตัมน้ำดื่ม มีสรรพคุณช่วยบำรุงครรภ์ ช่วยสตรีมีครรภ์ครรคลอดง่าย ใช้หลังคลอดช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว ดอกบัวผุดได้รับการยอมรับจากชาวสุราษฏร์ให้เป็นดอกไม้ประจำจังหวัด ส่วนอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ชื่อของอุทยานแห่งชาตินี้ได้มาหลังจากการปราบปรานพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยภายใต้ยุทธการใต้ร่มเย็น ครอบคลุมพื้นที่ ๔๒๕ ตารางก็โลเมตร หรือประมาณ ๒๖๐,๐๐๐ ไร่ อยู่ในพื้นที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอบ้านนาสาร และอำเภอเวียงสระ พื้นที่ของอุทยานแห่งชาติมีพืชพรรณไม้หลายชนิด เช่น ไม้เคี่ยม ยาง พะยอม หลุมพอ ตำเสา ตะเคียน แดง จำปา ฯลฯ และมีสัตว์ป่านานาชนิด มีทิวทัศน์ ถ้ำ น้ำตก ที่สวยงามหลายแห่ง เช่น น้ำตกตาดฟ้า น้ำตกธารทิพย์ถ้ำขมิ้น ฯลฯ ไม้เคี่ยมเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่พบในป่าดิบชื้นในอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น จะเป็นไม้ที่มีเนื้อละเอียดแข็ง เหนียว หนัก และทนทานต่อสภาพเปียก ๆ แห้ง ๆ ได้ดี ใบเคี่ยมเป็นใบเดี่ยวลักษณะมนรี ท้องใบมีขนสีน้ำตาลปนเหลือง ดอกมีสีขาวกลิ่นหอมอ่อน ๆ ผลของเคี่ยมกลมเล็กมีขนนุ่ม ชาวบ้านนิยมใช้ไม้เคี่ยมทำกระดานพื้นชานเรือน เสาเรือนทำเสาสะพาน และสะพาน ชิ้นไม้เคี่ยมใส่ลงในกระบอกน้ำตาลโตนดเพื่อใช้รสฝาดของไม้เคี่ยมรักษาน้ำตาลไม่บูดเสียเร็ว เปลือกไม้เคี่ยมใช้เป็นยาชะล้างบาดแผล ห้ามเลือดบาดแผลสด เคี่ยมมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า
Cotylobium Melanoxylon (โคทีโลเบียม เมลาน็อกลอน) ต้นเคี่ยมได้รับการยกย่องให้เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ต่อมาคืออุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งที่ ๒ ของประเทศ  เขตอุทยานแห่งชาตินี้ประกอบไปด้วยเกาะต่าง ๆ ๔๒ เกาะ เช่น เกาะพะลวย เกาะวัวตาหลับ เกาะไผ่ลวก เกาะแม่เกาะ และเกาะสามเส้า ฯลฯ มีพื้นที่รวมกันประมาณ ๑๐๒ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๖๔,๐๐๐๐ ไร่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองนี้อยู่ห่างจากอ่าวบ้านดอน อำเภอเมือง ไปประมาณ ๘๐ กิโลเมตร อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรที่มีค่าทั้งบนบกและในทะเล ทรัพยากรบนบกตามเภาะต่าง ๆ มีพรรณพืชที่หลากหลาย เช่น กลัวยไม้รองเท้านารี-ช่องอ่างทอง และสัตว์ป่าที่หายาก เช่น ค่างแว่นถิ่นใต้ ที่พบบนเกาะวัวตาหลับ

หน่วยการปกครอง

จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ของประเทศไทย แบ่งการปกครองออกเป็น 19 อำเภอ (บางครั้งก็เรียกว่า "เขต") ซึ่งประกอบไปด้วย:

อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอเกาะสมุย อำเภอเกาะพะงัน อำเภอบ้านตาขุน อำเภอชัยบุรี อำเภอท่าชนะ อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอดอนสัก อำเภอเวียงสระ อำเภอคีรีรัฐนิคม อำเภอพุนพิน อำเภอพนม อำเภอท่าฉาง อำเภอหลังสวน อำเภอไชยา อำเภอกรุงชิง อำเภอสิชล อำเภอท่าทองใหม่ อำเภอขนอม

การปกครองในแต่ละอำเภอจะมีผู้บริหารท้องถิ่น เช่น นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือ นายกเทศมนตรี (สำหรับในเขตเทศบาล) ที่ดูแลการพัฒนาท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่

X